ในโลกดิจิทัลยุคปัจจุบัน คอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานออฟฟิศ การศึกษา หรือการบันเทิง คีย์บอร์ดจึงถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นที่ขาดไม่ได้ เพราะต้องทำงานร่วมกับอุปกรณ์ต่าง ๆ การเลือกใช้คีย์บอร์ดที่มีคุณภาพและเหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้งานจึงเป็นสิ่งจำเป็น ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังมีส่วนช่วยในการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการเล่นเกม วันนี้เราจะมาทำความรู้จักคีย์บอร์ดมีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานด้านใด ทั้งกลไกการทำงาน วัสดุที่ใช้ผลิต คุณสมบัติเด่น ตลอดจนปัจจัยสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ
คีย์บอร์ดมีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานด้านใด
1.แบ่งตามกลไกการทำงานของคีย์บอร์ด
คีย์บอร์ดสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ตามกลไกการทำงาน ได้แก่ คีย์บอร์ดแบบเมมเบรนหรือปุ่มยาง (Membrane/Rubber Dome Keyboard) และคีย์บอร์ดแบบกลไก (Mechanical Keyboard)
1.1 เมมเบรนคีย์บอร์ด เป็นคีย์บอร์ดที่พบเห็นได้ทั่วไปในสำนักงานและสถาบันการศึกษา เมื่อมีการกดปุ่ม ปุ่มยางวงแหวนจะยุบตัวลงและเปิดการทำงานของแผ่นวงจรพลาสติกชั้นล่างเพื่อส่งสัญญาณไปยังคอมพิวเตอร์ จุดเด่นของคีย์บอร์ดประเภทนี้อยู่ที่ราคาไม่สูงมาก มีน้ำหนักเบา ไม่มีเสียงเมื่อพิมพ์ เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป ที่ไม่ต้องการความรวดเร็วในการตอบสนอง
1.2 เมคคานิคัลคีย์บอร์ด มีกลไกสปริงโลหะที่ปุ่ม เพื่อเน้นการตอบสนองที่รวดเร็ว เป็นที่นิยมของเหล่าเกมเมอร์ที่ต้องการความแม่นยำและรวดเร็วในการกดปุ่ม แต่ก็มักจะราคาแพงกว่าแบบเมมเบรน เพราะเรื่องของคุณภาพในการผลิต อย่างไรก็ตาม อาจทำให้มีข้อเสียในการใช้งานในที่สาธารณะ เพราะปุ่มกดคีย์บอร์ดแบบนี้จะค่อนข้างมีเสียงดัง
2.แบ่งตามวัสดุที่ใช้ผลิตคีย์บอร์ด
นอกเหนือจากกลไกการทำงานแล้ว วัสดุที่ใช้ผลิตคีย์บอร์ดก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลต่อคุณภาพและอายุการใช้งาน โดยแป้นคีย์ของคีย์บอร์ดจะถูกผลิตจากพลาสติกหลักๆ 3 ชนิด ได้แก่
2.1 ABS พลาสติกที่ได้รับความนิยมในการผลิตสินค้าทั่วไป เพราะราคาไม่แพงและมีความยืดหยุ่นดี แต่ข้อเสียคือ เมื่อใช้งานเป็นระยะเวลานาน สีของพลาสติก ABS จะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลือง
2.2 PBT เป็นพลาสติกที่แข็งแรง สีไม่เปลี่ยนง่าย แต่มีความแข็ง ทำให้ไม่สามารถรองรับการกระแทกได้ดีนัก ทำให้การผลิตมีต้นทุนสูงกว่า ABS ค่อนข้างมาก
2.3 POM เป็นพลาสติกที่มีคุณสมบัติที่ดีกว่า PBT ทนต่อการสึกหรอและการกัดกร่อนได้ดี แต่ก็หายากและมีราคาแพงสุดจนเกือบไม่ถูกนำมาใช้ผลิตคีย์บอร์ดอีกต่อไป
ทั้งนี้ นอกเหนือจากความแข็งแรงและทนทานแล้ว การเลือกวัสดุยังส่งผลต่อความนุ่มนวลและความรู้สึกของนิ้วมือในการพิมพ์ด้วย ซึ่งผู้ใช้บางคนอาจต้องลองจริงก่อนจึงจะรู้ว่าชอบวัสดุชนิดไหนมากที่สุด
3.แบ่งตามขนาด
ขนาดและน้ำหนักเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกซื้อคีย์บอร์ด โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่ต้องพกพาเปลี่ยนที่ทำงานบ่อยๆ คีย์บอร์ดที่ใหญ่หรือหนักเกินไปอาจสร้างความลำบากในการพกพา โดยทั่วไปเมคคานิคัลคีย์บอร์ดจะมีน้ำหนักมากกว่า เพราะใช้วัสดุที่หนาแน่นและทนทาน อีกทั้งยังประกอบด้วยกลไกสปริงโลหะภายใน ผู้ใช้ที่ต้องพกพาบ่อยๆ อาจมองหาคีย์บอร์ดประเภทอื่นจะตอบโจทย์กว่า
สำหรับขนาดนั้น มีตัวเลือกให้เลือกตามการใช้งานหลักๆ อยู่ 4 แบบดังนี้
1.Full-Sized Keyboard เป็นคีย์บอร์ดแบบมาตรฐาน ที่มีทั้งแถวปุ่มตัวเลข และปุ่มฟังก์ชันต่างๆ ครบถ้วน เหมาะสำหรับการใช้งานหนักอย่างการพิมพ์งานมากๆ แต่ด้วยขนาดใหญ่อาจจึงไม่เหมาะสำหรับการพกพา และต้องใช้พื้นที่ในการจัดวางเยอะ
2.Ten-Key-Less Keyboard หรือคีย์บอร์ดขนาดย่อที่จะตัดแถวปุ่มตัวเลขทิ้งไป ทำให้มีขนาดเล็กกะทัดรัดกว่ามาก ลดระยะกางแขนในขณะทำงานและยังคงประสิทธิภาพในการพิมพ์งานส่วนใหญ่ได้ จึงได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มเกมเมอร์และพนักงานออฟฟิศที่อยู่ในพื้นที่จำกัด
5.Numpad/Macro Pad เป็นแป้นปุ่มขนาดเล็กที่สุด ที่สามารถปรับแต่งตามความต้องการเพิ่มเติมจากคีย์บอร์ดหลัก เช่น เพิ่มปุ่มตัวเลขหรือปุ่มฟังก์ชันต่าง ๆ
คงพอเห็นไอเดียกันแล้วว่า คีย์บอร์ดมีกี่ประเภท แต่ละประเภทเหมาะกับการใช้งานด้านใด คีย์บอร์ดเป็นอุปกรณ์ที่จะอยู่คู่กับคุณไปนานๆ มันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีคุณสมบัติสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์การใช้งานของคุณมากที่สุด เพราะหากเลือกให้ถูกใจและเข้ากับงานที่ต้องทำ มันจะช่วยให้คุณสามารถทำทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว สะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพงานที่ดีเยี่ยม ในทางกลับกัน ถ้าคีย์บอร์ดที่คุณเลือกนั้นไม่ตอบโจทย์การใช้งาน สิ่งที่ตามมาก็คือความเมื่อยล้า และความไม่สะดวกต่างๆ ในการทำงาน ซึ่งอาจทำให้เราไม่มีความสุขในการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั้งในแง่ของการทำงานหรือเล่นเกม