• ข่าวสาร
  • ล่าสุด

Wi-Fi คืออะไร? เทคโนโลยีที่ปฏิวัติการเชื่อมต่อในยุคดิจิทัล พร้อมวิธีการตั้งค่า ไวไฟ สำหรับมือใหม่

โพสต์เมื่อ 27 May 2025
by Utech 6 Views

Wi-Fi-คืออะไร-01.jpg

Wi-Fi คืออะไร? เทคโนโลยีที่ปฏิวัติการเชื่อมต่อในยุคดิจิทัล พร้อมวิธีการตั้งค่า ไวไฟ สำหรับมือใหม่

ทุกวันนี้ ไวไฟ หรือ Wi-Fi ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันของเราทุกคน เราใช้ไวไฟเชื่อมต่ออุปกรณ์มากมาย ตั้งแต่สมาร์ตโฟนที่พกติดตัว คอมพิวเตอร์ที่ใช้ทำงาน ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะภายในบ้าน แต่หลายคนอาจสงสัยว่า Wi-Fi คืออะไรกันแน่? เทคโนโลยีนี้ทำงานอย่างไร? และเราจะใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร? หากคุณเป็นมือใหม่และกำลังมองหาคำตอบ ไม่ต้องกังวล เพราะบทความนี้จะพาคุณรู้จักไวไฟแบบละเอียดทุกแง่มุม พร้อมแนะนำวิธีการใช้งานง่าย ๆ ที่ทำได้เองที่บ้าน

ไวไฟ (Wi-Fi) คืออะไร?

Wi-Fi-คืออะไร-02.jpg

Wi-Fi (Wireless Fidelity) หรือ ไวไฟ คือ เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย เป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นในปี 1997 โดยสถาบัน Wi-Fi Alliance ที่ใช้คลื่นวิทยุส่งข้อมูลจากอุปกรณ์หนึ่งไปยังอีกอุปกรณ์หนึ่ง โดยไม่ต้องใช้สายเชื่อมต่อ เป็นมาตรฐานที่พัฒนาโดย IEEE (Institute of Electrical and Electronics Engineers) อยู่ในกลุ่มมาตรฐาน IEEE 802.11 ซึ่งระบุวิธีการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สาย (Wireless Local Area Network หรือ WLAN)

ปัจจุบัน ไวไฟ ได้กลายเป็นมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลก โดยอุปกรณ์ที่รองรับ Wi-Fi จะต้องผ่านการรับรองจาก Wi-Fi Alliance เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์อื่น ๆ ได้อย่างราบรื่น นอกจากนี้ยังมีการพัฒนามาตรฐานใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการใช้งาน เมื่อเราเข้าใจพื้นฐานของเทคโนโลยีไวไฟแล้ว มาดูกันว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร โดยหลักการทำงานพื้นฐานของไวไฟนั้นประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายส่วนที่ทำงานประสานกัน

Wi-Fi ทำงานอย่างไร?

Wi-Fi-คืออะไร-03.jpg

1. หลักการพื้นฐาน

Wi-Fi ใช้คลื่นวิทยุในย่าน 2.4 GHz และ 5 GHz (ปัจจุบันมี 6 GHz ใน Wi-Fi 6E) ด้วยการแปลงสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้เป็นคลื่นวิทยุในย่าน 2.4 GHz และ 5 GHz (ปัจจุบันมี 6 GHz ใน Wi-Fi 6E) ส่งข้อมูลระหว่าง อุปกรณ์ (Client) เช่น สมาร์ตโฟน กับ จุดกระจายสัญญาณ (Access Point) หรือ Router แต่ละอุปกรณ์จะสื่อสารผ่านโปรโตคอลมาตรฐาน ซึ่งกำหนดวิธีการรับส่งข้อมูลและการจัดการการเชื่อมต่อ การสื่อสารนี้จะถูกเข้ารหัสเพื่อความปลอดภัยของข้อมูลระหว่างการรับส่ง

เมื่อได้รับข้อมูล อุปกรณ์จะถอดรหัสคลื่นวิทยุกลับเป็นข้อมูลดิจิทัลที่เราสามารถใช้งานได้ ระบบนี้ทำงานอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วจนผู้ใช้แทบไม่รู้สึกถึงความล่าช้าในการส่งข้อมูล การเข้ารหัสข้อมูลช่วยป้องกันการดักจับข้อมูลระหว่างการส่งผ่าน ทำให้การสื่อสารผ่านไวไฟมีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ ระบบไวไฟยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีการเข้ารหัสใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เช่น WPA3 ที่มีความปลอดภัยสูงขึ้นกว่ารุ่นก่อน และมีระบบป้องกันการโจมตีแบบ Dictionary Attack ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. องค์ประกอบหลักของระบบ Wi-Fi

  • Router (เราเตอร์):

เป็นตัวกลางเชื่อมต่อเครือข่าย ไวไฟ กับอินเทอร์เน็ต และกระจายกระจายสัญญาณให้กับอุปกรณ์ต่างๆ โดยจะรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตจาก ISP และแปลงเป็นคลื่นวิทยุเพื่อส่งต่อไปยังอุปกรณ์ต่างๆ ภายในพื้นที่ให้บริการ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่จัดการการรับส่งข้อมูลและความปลอดภัยของเครือข่ายด้วย

  • Access Point (AP):

หน่วยที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อและกระจายสัญญาณไวไฟในเครือข่าย ขยายพื้นที่สัญญาณ ไวไฟ ให้ครอบคลุมมากขึ้น โดยทั่วไปจะถูกใช้ในองค์กรขนาดใหญ่หรือพื้นที่กว้าง เช่น สำนักงาน โรงแรม หรือศูนย์การค้า ที่ต้องการให้ผู้ใช้สามารถเชื่อมต่อไวไฟได้อย่างต่อเนื่องแม้จะเคลื่อนที่ไปในจุดต่างๆ

  • Client Devices:

อุปกรณ์ที่รองรับ ไวไฟ เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ โน้ตบุ๊ก สมาร์ททีวี อุปกรณ์สวมใส่อัจฉริยะ (Wearables) และอุปกรณ์อัจฉริยะในบ้าน (Smart Home Devices) ที่มีชิปไวไฟติดตั้งอยู่ภายใน ซึ่งสามารถรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายไร้สายได้

  • ISP (ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต):

เป็นผู้ให้บริการที่ส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตผ่านโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น สาย Fiber Optic ที่มีความเร็วสูงและเสถียรภาพดี หรือ ADSL ที่ใช้สายโทรศัพท์เดิม เพื่อนำสัญญาณอินเทอร์เน็ตเข้าสู่เราเตอร์ที่บ้านของคุณ โดยคุณภาพและความเร็วของอินเทอร์เน็ตจะขึ้นอยู่กับประเภทการเชื่อมต่อและแพ็คเกจที่เลือกใช้

3. ขั้นตอนการทำงานของ Wi-Fi อย่างง่าย

  1. เราเตอร์รับสัญญาณอินเทอร์เน็ตจาก ISP (Internet Service Provider) ผ่านสาย Fiber Optic ความเร็วสูงหรือสาย LAN มาตรฐาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการกระจายสัญญาณไวไฟภายในบ้านหรือสำนักงาน
  2. เราเตอร์ทำการแปลงสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้เป็นคลื่นวิทยุ (Radio Signal) ซึ่งเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนในการแปลงข้อมูลดิจิทัลเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในย่านความถี่ 2.4/5 GHz ทำให้สามารถส่งข้อมูลผ่านอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  3. อุปกรณ์ (เช่น โทรศัพท์มือถือ) มี Wi-Fi Adapter ภายใน รับสัญญาณนั้น และแปลงเป็นข้อมูลที่เข้าใจได้ เช่น การแสดงผลเว็บไซต์ หรือสตรีมวิดีโอ
  4. ข้อมูลจะถูกส่งกลับจากอุปกรณ์ไปยังเราเตอร์ผ่านการแปลงสัญญาณในทิศทางตรงข้าม โดยอุปกรณ์จะแปลงข้อมูลดิจิทัลเป็นคลื่นวิทยุส่งไปยังเราเตอร์ จากนั้นเราเตอร์จะแปลงกลับเป็นข้อมูลดิจิทัลเพื่อส่งต่อไปยังอินเทอร์เน็ต ทำให้เกิดการสื่อสารแบบสองทางที่ต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ

คลื่นความถี่และการส่งผ่านข้อมูลของระบบไวไฟ

ระบบ ไวไฟ ใช้คลื่นวิทยุในการส่งผ่านข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ในรูปแบบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยใช้ย่านความถี่หลักสองย่านคือ 2.4 GHz และ 5 GHz ซึ่งถูกเลือกใช้เนื่องจากมีคุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับการสื่อสารไร้สายในระยะใกล้และกลาง การส่งผ่านข้อมูลนี้เกิดขึ้นผ่านการมอดูเลตสัญญาณดิจิทัลบนคลื่นพาหะ โดยแต่ละย่านความถี่มีข้อดีและข้อจำกัดที่แตกต่างกันไปตามคุณลักษณะทางกายภาพของคลื่น ดังนี้:

  • 2.4 GHz: ความถี่ที่ใช้งานทั่วไป มีระยะทางการส่งสัญญาณไกลกว่า สามารถทะลุผ่านกำแพงได้ดี แต่มีความเร็วต่ำกว่า 5 GHz เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไปที่ไม่ต้องการความเร็วสูงมาก เช่น การท่องเว็บ เช็คอีเมล หรือใช้งานในพื้นที่กว้าง
  • 5 GHz: ความถี่ที่ให้ความเร็วสูงกว่า เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการแบนด์วิธสูง เช่น การสตรีมวิดีโอ 4K หรือการเล่นเกมออนไลน์ แต่มีข้อจำกัดคือระยะทางการส่งสัญญาณสั้นกว่าและทะลุผ่านกำแพงได้ยากกว่า 2.4 GHz จึงเหมาะกับการใช้งานในระยะใกล้และพื้นที่โล่ง

Wi-Fi มีประเภทไหนบ้าง?

มาตรฐาน Wi-Fi ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการในการใช้งานที่เพิ่มขึ้น โดยแต่ละรุ่นจะมีการปรับปรุงทั้งในด้านความเร็ว ประสิทธิภาพ และความสามารถในการรองรับอุปกรณ์จำนวนมาก ดังที่แสดงในตารางต่อไปนี้

Wi-Fi-คืออะไร-04.jpg

คลื่นความถี่ 2.4 GHz กับ 5 GHz ต่างกันยังไง?

เพื่อให้เข้าใจความแตกต่างระหว่างคลื่นความถี่ทั้งสองแบบได้ชัดเจนยิ่งขึ้น เราจะมาดูการเปรียบเทียบคุณสมบัติที่สำคัญของคลื่นความถี่ 2.4 GHz และ 5 GHz ในตารางด้านล่างนี้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเลือกใช้งานได้เหมาะสมกับความต้องการของคุณ

Wi-Fi-คืออะไร-05.jpg

วิธีการใช้งาน Wi-Fi อย่างง่าย สำหรับมือใหม่

Wi-Fi-คืออะไร-06.jpg

การใช้งาน Wi-Fi ในปัจจุบันได้รับการพัฒนาให้เป็นเรื่องที่เข้าถึงได้ง่ายสำหรับผู้ใช้ทุกระดับ ด้วยอุปกรณ์เราเตอร์สมัยใหม่ที่มาพร้อมระบบอัตโนมัติและอินเทอร์เฟซที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ ออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งและปรับแต่งค่าต่างๆ ได้ด้วยตนเองโดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ทางเทคนิคมากนัก มาทำความรู้จักกับขั้นตอนการใช้งาน Wi-Fi สำหรับมือใหม่ที่จะทำให้คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานได้อย่างมั่นใจกัน

1. ติดตั้งและตั้งค่าเราเตอร์

การติดตั้งและตั้งค่าเราเตอร์เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการเริ่มต้นใช้งาน Wi-Fi ซึ่งแม้จะดูซับซ้อนสำหรับมือใหม่ แต่ด้วยการทำตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ คุณก็สามารถติดตั้งได้ด้วยตัวเองอย่างง่ายดาย โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  • เสียบปลั๊กไฟให้เราเตอร์ และเชื่อมต่อสาย LAN จากโมเด็มของ ISP เข้าพอร์ต WAN ของเราเตอร์
  • เปิดเครื่อง เราเตอร์ส่วนใหญ่มีคู่มือการตั้งค่าที่เข้าใจง่าย
  • เข้าหน้าตั้งค่า (ส่วนมากใช้ IP: 192.168.0.1 หรือ 192.168.1.1) ผ่านเบราว์เซอร์
  • ใส่ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน (ดูที่สติ๊กเกอร์ข้างเครื่อง หรือคู่มือ)
  • ตั้งค่า ชื่อ Wi-Fi (SSID) และ รหัสผ่าน (Password) เพื่อความปลอดภัย

2. เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับ Wi-Fi

หลังจากตั้งค่าเราเตอร์เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่างๆ เข้ากับ Wi-Fi ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ง่ายและใช้เวลาไม่นาน โดยมีขั้นตอนดังนี้:

  • เปิด Wi-Fi บนอุปกรณ์ที่ต้องการเชื่อมต่อ
  • เลือกชื่อ Wi-Fi (SSID) ที่ตั้งไว้
  • กรอกรหัสผ่านที่ตั้งไว้ (ควรเป็นรหัสที่เดายาก เช่น ผสมตัวเลขและอักษร)

3. ตรวจสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต

ในการทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต ควรทำการทดสอบหลายๆ ครั้งในช่วงเวลาต่างกัน เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยที่แม่นยำ และควรทดสอบทั้งในช่วงเวลาปกติและช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูง (Peak Hours) เพื่อให้เห็นประสิทธิภาพการทำงานที่แท้จริงของระบบ

  • ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ต:

เข้าไปที่เว็บไซต์ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตที่น่าเชื่อถือ เช่น Speedtest.net หรือ Speedtest by Ookla จากนั้นกดปุ่มทดสอบความเร็ว ระบบจะแสดงค่าความเร็วการดาวน์โหลดและอัพโหลดให้ทราบ

  • ตรวจสอบแพ็กเกจอินเทอร์เน็ต:

เทียบความเร็วที่ได้รับจริงกับแพ็กเกจที่สมัครไว้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หากพบว่าความเร็วต่ำกว่าที่ควรจะเป็นมาก ให้ติดต่อผู้ให้บริการเพื่อตรวจสอบและแก้ไขปัญหา

เทคนิคการใช้งานไวไฟให้มีประสิทธิภาพ

Wi-Fi-คืออะไร-07.jpg

เพื่อให้การใช้งาน Wi-Fi มีประสิทธิภาพสูงสุดและได้รับประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ดีที่สุด เรามีเทคนิคและคำแนะนำที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าได้ผลจริง ซึ่งผู้ใช้สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันทีโดยไม่ต้องมีความรู้ทางเทคนิคมากนัก ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • วางเราเตอร์ในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่มีสิ่งกีดขวางสัญญาณ:

ควรวางเราเตอร์ในที่สูง เช่น บนชั้นวางของหรือโต๊ะ และควรอยู่ในจุดศูนย์กลางของพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน เพื่อให้สัญญาณกระจายได้ทั่วถึง หลีกเลี่ยงการวางในตู้ปิด มุมอับ หรือใกล้กำแพงคอนกรีตหนา

  • หลีกเลี่ยงการวางใกล้อุปกรณ์ที่มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสูง:

เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เช่น ไมโครเวฟ กล้องวงจรปิดไร้สาย หรือเครื่องเล่นเบบี้มอนิเตอร์ อาจรบกวนสัญญาณ Wi-Fi ได้ ควรวางเราเตอร์ให้ห่างจากอุปกรณ์เหล่านี้อย่างน้อย 1-2 เมตร เพื่อลดการรบกวนและให้สัญญาณมีประสิทธิภาพสูงสุด

  • ใช้ Wi-Fi Repeater หรือ Mesh Wi-Fi หากพื้นที่บ้านกว้าง หรือมีหลายชั้น:

หากบ้านหรือพื้นที่ใช้งานของคุณมีขนาดใหญ่และสัญญาณ Wi-Fi ไม่สามารถครอบคลุมได้ทั่วถึง การใช้ตัวขยายสัญญาณ Wi-Fi Repeater หรือระบบ Mesh Wi-Fi จะช่วยขยายพื้นที่การใช้งานให้ครอบคลุมมากขึ้น โดย Mesh Wi-Fi จะให้ประสิทธิภาพที่ดีกว่าเพราะสามารถเชื่อมต่อและส่งต่อสัญญาณระหว่างอุปกรณ์ได้อย่างไร้รอยต่อ

  • ตั้งรหัสผ่านที่ปลอดภัย เพื่อป้องกันการแฮกเข้ามาใช้เน็ตฟรี:

ควรตั้งรหัสผ่านที่มีความซับซ้อน ผสมตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และสัญลักษณ์พิเศษ อย่างน้อย 12 ตัวอักษร และหลีกเลี่ยงการใช้คำที่เดาได้ง่าย เช่น วันเกิด ชื่อสัตว์เลี้ยง หรือหมายเลขโทรศัพท์

  • อัพเดทเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์อย่างสม่ำเสมอ:

การอัพเดทเฟิร์มแวร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความปลอดภัยให้กับเราเตอร์ โดยผู้ผลิตจะปล่อยอัพเดทเป็นระยะเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ คุณสามารถตรวจสอบและอัพเดทเฟิร์มแวร์ได้ผ่านหน้าตั้งค่าของเราเตอร์

ปัญหาที่พบบ่อยและวิธีแก้ไข

source :Shutterstock

เมื่อพูดถึงการใช้งาน Wi-Fi ปัญหาที่ผู้ใช้มักพบเจอบ่อยๆ มีหลายประการ โดยแต่ละปัญหามีสาเหตุและวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกันไป ดังนั้นการทำความเข้าใจถึงสาเหตุและวิธีแก้ไขจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สัญญาณไวไฟอ่อน:

ปัญหานี้มักเกิดในจุดที่อยู่ห่างจากเราเตอร์มากเกินไป หรือมีสิ่งกีดขวางสัญญาณ เช่น กำแพงหนา เสาปูน หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า สามารถแก้ไขได้โดยการย้ายเราเตอร์ให้ใกล้จุดใช้งานมากขึ้น ตรวจสอบสิ่งกีดขวางสัญญาณ และพิจารณาติดตั้งตัวขยายสัญญาณ

  • เชื่อมต่อไม่ได้:

ปัญหานี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง การรบกวนของสัญญาณ หรือปัญหาที่ตัวเราเตอร์เอง วิธีแก้ไขเบื้องต้นที่แนะนำคือ รีสตาร์ทเราเตอร์และอุปกรณ์ ตรวจสอบรหัสผ่านอีกครั้ง กดลืมเครือข่ายและเชื่อมต่อใหม่

  • อินเทอร์เน็ตช้า:

หากพบว่าอินเทอร์เน็ตช้าผิดปกติ อาจมีสาเหตุจากหลายปัจจัย เช่น การใช้งานอุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกันที่ใช้แบนด์วิดท์สูง เช่น การสตรีมวิดีโอ HD หรือการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ รวมถึงการรบกวนของสัญญาณจากเครือข่าย Wi-Fi ใกล้เคียง ควรตรวจสอบจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ เปลี่ยนช่องสัญญาณที่มีการรบกวนน้อย ทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตที่ได้รับ

ความปลอดภัยในการใช้งานไวไฟและการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ในยุคดิจิทัล

source :Shutterstock

ในยุคที่การโจมตีทางไซเบอร์มีความซับซ้อนและแนบเนียนมากขึ้น การรักษาความปลอดภัยในการใช้งาน Wi-Fi จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม ผู้ใช้งานควรตระหนักถึงความเสี่ยงและปฏิบัติตามแนวทางการรักษาความปลอดภัยพื้นฐาน ดังต่อไปนี้

  • ใช้การเข้ารหัสแบบ WPA3 หรือ WPA2 เป็นอย่างต่ำ:

การเข้ารหัสแบบ WPA3 เป็นมาตรฐานความปลอดภัยล่าสุดที่ช่วยป้องกันการโจมตีแบบ Dictionary Attack และ Brute Force ได้ดีกว่า WPA2 แต่หากอุปกรณ์ของคุณยังไม่รองรับ WPA3 ก็ควรใช้ WPA2 เป็นอย่างน้อย และหลีกเลี่ยงการใช้ WEP ที่มีความปลอดภัยต่ำ

  • ตั้งรหัสผ่านที่ซับซ้อนและยาวพอสมควร:

ควรตั้งรหัสผ่านที่มีความยาวอย่างน้อย 12 ตัวอักษร โดยผสมผสานตัวอักษรพิมพ์ใหญ่ พิมพ์เล็ก ตัวเลข และอักขระพิเศษ หลีกเลี่ยงการใช้ข้อมูลส่วนตัวที่คาดเดาได้ง่าย เช่น ชื่อ วันเกิด หรือหมายเลขโทรศัพท์ และควรเปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำทุก 3-6 เดือน

  • เปิดใช้ Firewall บนอุปกรณ์:

Firewall เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงข้อมูลจากผู้ไม่ประสงค์ดี โดยจะคอยตรวจสอบและกรองการรับส่งข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของคุณกับเครือข่าย ควรเปิดใช้งาน Firewall ทั้งบนเราเตอร์และอุปกรณ์ส่วนตัวเพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยในการใช้งาน Wi-Fi

  • หลีกเลี่ยงการใช้ Wi-Fi สาธารณะสำหรับธุรกรรมสำคัญ:

การใช้ Wi-Fi สาธารณะมีความเสี่ยงสูงต่อการถูกดักจับข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลสำคัญอย่างรหัสผ่าน หมายเลขบัตรเครดิต หรือข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ หากจำเป็นต้องใช้ Wi-Fi สาธารณะ ควรใช้ VPN เพื่อเข้ารหัสการรับส่งข้อมูลให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

สรุป

ไวไฟ (Wi-Fi) เป็นเทคโนโลยีที่ปฏิวัติการเชื่อมต่อในยุคดิจิทัล ช่วยให้เราสามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้อย่างไร้สาย สะดวก และรวดเร็ว การทำความเข้าใจพื้นฐานการทำงาน การตั้งค่า และการรักษาความปลอดภัยของไวไฟจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ใช้งานทุกคน โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน การใช้งานไวไฟอย่างชาญฉลาดและปลอดภัยจะช่วยให้เราได้รับประโยชน์สูงสุดจากเทคโนโลยีนี้

 

บทความที่น่าสนใจ