หัวชาร์จไว เลือกยังไง วัตต์เท่าไร เหมาะกับอุปกรณ์แบบไหน
ในโลกของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หัวชาร์จเร็วกลายเป็นอุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ใช้ Smart Devices ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือแม้แต่โน้ตบุ๊ก ปัจจุบันในตลาดมีหัวชาร์จเร็วให้เลือกมากมาย ตั้งแต่ 10 วัตต์ไปจนถึง 240 วัตต์เลยทีเดียว แต่ที่พบเห็นบ่อยๆ ก็จะมีตั้งแต่ 10-18 วัตต์, 20-30 วัตต์, 40-45 วัตต์, 60-65 วัตต์, 100 วัตต์, 120 วัตต์, 140 วัตต์, 200 วัตต์ และ 240 วัตต์ ซึ่งกำลังไแต่ละแบบจะเหมาะกับอุปกรณ์แบบไหนบ้าง เรามีคำตอบ
หัวชาร์จไว เลือกยังไงให้เหมาะกับอุปกรณ์ กี่วัตต์ถึงดี
หัวชาร์จ 10-18 วัตต์
เริ่มกันที่หัวชาร์จ 10-18 วัตต์ก่อนเลย หัวชาร์จระดับนี้ถือเป็นระดับเริ่มต้นของการชาร์จเร็ว เหมาะสำหรับมือถือรุ่นเก่าหรือรุ่นประหยัดที่ไม่ได้รองรับการชาร์จเร็วแบบสุดๆ แต่ก็ยังเร็วกว่าหัวชาร์จมาตรฐาน 5 วัตต์อยู่ดี อุปกรณ์ที่เหมาะกับหัวชาร์จระดับนี้ เช่น iPhone 8, iPhone X, Samsung Galaxy S7, S8, Xiaomi Redmi Note 8 หรือ Oppo A5s เป็นต้น ถ้าใช้มือถือรุ่นเหล่านี้อยู่ หัวชาร์จ 10-18 วัตต์ก็เพียงพอแล้ว
หัวชาร์จ 20-30 วัตต์
ถัดมาเป็นหัวชาร์จ 20-30 วัตต์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน เพราะใช้ได้กับสมาร์ทโฟนหลายรุ่น ชาร์จได้เร็วพอสมควร และราคาไม่แพงมาก เหมาะสำหรับสมาร์ทโฟนทั่วไปและแท็บเล็ตขนาดเล็ก เช่น iPhone 11, iPhone 12, Samsung Galaxy S10, S20, Google Pixel 4, Pixel 5, iPad Mini รุ่นใหม่ หรือ Huawei P30, P40 ถ้าใช้สมาร์ทโฟนรุ่นกลางๆ ทั่วไป หัวชาร์จระดับนี้ก็น่าจะตอบโจทย์การใช้งาน
หัวชาร์จ 40-45 วัตต์
สำหรับคนที่ต้องการความเร็วในการชาร์จที่สูงขึ้นมาหน่อย แต่ไม่อยากจ่ายแพงเกินไป หัวชาร์จ 40-45 วัตต์อาจเป็นตัวเลือกที่ดี เหมาะสำหรับสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นกลางและแท็บเล็ตขนาดกลาง เช่น Samsung Galaxy S21, S22, Xiaomi Mi 11, OnePlus 9, iPad Air หรือ Huawei Mate 40 หัวชาร์จระดับนี้ให้ความเร็วในการชาร์จที่สูงขึ้นมาก
หัวชาร์จ 60-65 วัตต์
ถ้าเป็นคนที่ใช้สมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นท็อป แท็บเล็ตขนาดใหญ่ หรือโน้ตบุ๊กบางรุ่น หัวชาร์จ 60-65 วัตต์อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม อุปกรณ์ที่รองรับการชาร์จระดับนี้ก็เช่น iPhone 13 Pro, iPhone 14 Pro, Samsung Galaxy S22 Ultra, S23 Ultra, Xiaomi 12 Pro, iPad Pro, MacBook Air (M1, M2) หรือ Lenovo ThinkPad X1 Carbon หัวชาร์จระดับนี้ให้ความเร็วในการชาร์จที่สูงมาก สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนเรือธงได้เต็มในเวลาไม่ถึงชั่วโมง และยังใช้ชาร์จโน้ตบุ๊กบางรุ่นได้ด้วย
หัวชาร์จ 100 วัตต์
สำหรับสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดที่รองรับการชาร์จเร็วสูงสุด หรือโน้ตบุ๊กขนาดกลาง หัวชาร์จ 100 วัตต์ เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม อุปกรณ์ที่รองรับกำลังไฟระดับนี้ เช่น Xiaomi 12T Pro, Realme GT Neo 3, ASUS ROG Phone 6, MacBook Pro 14 นิ้ว หรือ Dell XPS 15 หัวชาร์จ 100 วัตต์ให้ความเร็วในการชาร์จที่สูงมากๆ สามารถชาร์จสมาร์ทโฟนบางรุ่นได้เต็มในเวลาเพียง 20-30 นาที และยังชาร์จโน้ตบุ๊กได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
หัวชาร์จ 120 วัตต์
ถ้าเราเป็นสายเกมเมอร์ที่ใช้สมาร์ทโฟนเล่นเกมหรือเล่นเกมด้วยโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงๆ หัวชาร์จ 120 วัตต์ เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ อุปกรณ์ที่รองรับกำลังไฟระดับนี้ เช่น Xiaomi 12S Ultra, iQOO 9 Pro, Lenovo Legion Phone Duel 2, ASUS ROG Zephyrus G14 หรือ Razer Blade 15 หัวชาร์จระดับนี้เหมาะสำหรับอุปกรณ์ที่ต้องการพลังงานสูงๆ
หัวชาร์จ 140 วัตต์
สำหรับโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงหรือแล็ปท็อปเกมมิ่ง หัวชาร์จ 140 วัตต์อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม อุปกรณ์ที่รองรับกำลังไฟระดับนี้ เช่น MacBook Pro 16 นิ้ว, Dell Alienware m15, MSI GS66 Stealth หรือ Lenovo Legion 7 หัวชาร์จ 140 วัตต์สามารถจ่ายพลังงานได้มากพอสำหรับโน้ตบุ๊กประสิทธิภาพสูงที่ใช้งานหนักๆ เช่น เล่นเกม หรือทำงานกราฟิก
หัวชาร์จ 200 วัตต์
ถ้าเราใช้โน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับสูงหรือเวิร์กสเตชั่นแบบพกพา หัวชาร์จ 200 วัตต์ เป็นไฟที่พอดี อุปกรณ์ที่รองรับกำลังไฟระดับนี้ เช่น ASUS ROG Strix SCAR 17, Acer Predator Helios 700, MSI GT76 Titan หรือ Lenovo ThinkPad P1 Gen 4 หัวชาร์จ 200 วัตต์ให้พลังงานสูงมาก เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับท็อปที่ใช้การ์ดจอและซีพียูประสิทธิภาพสูงๆ
หัวชาร์จ 240 วัตต์
สุดท้าย สำหรับโน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับสูงสุดหรือเวิร์กสเตชั่นแบบพกพาประสิทธิภาพสูง หัวชาร์จ 240 วัตต์อาจเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม อุปกรณ์ที่รองรับกำลังไฟระดับนี้ เช่น Alienware Area-51m, MSI GT77 Titan, ASUS ROG Zephyrus Duo 16 หรือ Razer Blade 17 Pro หัวชาร์จ 240 วัตต์เป็นระดับสูงสุดที่มีในตลาดปัจจุบัน ให้พลังงานมหาศาล เหมาะสำหรับโน้ตบุ๊กเกมมิ่งระดับเทพที่ต้องการพลังงานสูงมากๆ
ข้อควรรู้ก่อนเลือกซื้อหัวชาร์จไว
อย่างไรก็ตาม การเลือกหัวชาร์จไวนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับกำลังวัตต์แค่อย่างเดียว เราต้องคำนึงถึงความเข้ากันได้กับอุปกรณ์ของเราด้วย แม้ว่าหัวชาร์จจะมีกำลังวัตต์สูง แต่อุปกรณ์จะรับพลังงานเท่าที่รองรับเท่านั้น เช่น ถ้าใช้หัวชาร์จ 65W กับมือถือที่รองรับแค่ 18W มือถือก็จะรับพลังงานแค่ 18W เท่านั้น
นอกจากนี้ เรายังต้องคำนึงถึงมาตรฐานการชาร์จเร็วด้วย เพราะมีหลายมาตรฐาน เช่น USB Power Delivery (PD), Quick Charge, VOOC เป็นต้น ควรเลือกให้ตรงกับอุปกรณ์ของเรา และอย่าลืมใช้สายชาร์จที่มีคุณภาพและรองรับกำลังไฟที่เหมาะสมด้วย
อย่างไรก็ตาม มีอีกหลายประเด็นที่เราควรพิจารณาเมื่อใช้หัวชาร์จไว เช่น เรื่องความร้อน การชาร์จเร็วอาจทำให้เกิดความร้อนสูงขึ้น ดังนั้นควรวางอุปกรณ์ในที่อากาศถ่ายเทสะดวกขณะชาร์จ และหลีกเลี่ยงการใช้งานหนักๆ ขณะชาร์จด้วยนะครับ
นอกจากนี้ การชาร์จเร็วบ่อยๆ อาจส่งผลต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว ถ้าเราไม่ได้รีบร้อนจริงๆ การชาร์จแบบปกติก็อาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับการใช้งานประจำวัน
ที่สำคัญไม่แพ้กัน คือเรื่องการเลือกซื้อหัวชาร์จ ควรเลือกซื้อจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน หัวชาร์จราคาถูกที่ไม่ได้เราภาพอาจเป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ของเราได้
สำหรับคนที่มีอุปกรณ์หลายชิ้น การเลือกหัวชาร์จที่มีพอร์ตหลายพอร์ตอาจเป็นทางเลือกที่ดี เพราะสามารถชาร์จอุปกรณ์ได้หลายชิ้นพร้อมกัน ช่วยประหยัดพื้นที่และลดความยุ่งยากในการพกพาหัวชาร์จหลายอัน
อีกเทคโนโลยีที่น่าสนใจคือ การชาร์จไร้สาย ซึ่งปัจจุบันก็มีการพัฒนาให้ชาร์จได้เร็วขึ้นเรื่อยๆ แม้จะยังไม่เร็วเท่าการชาร์จแบบมีสาย แต่ก็สะดวกสบายมากขึ้น โดยเฉพาะสำหรับการใช้งานที่บ้านหรือออฟฟิศ ในอนาคต เราอาจได้เห็นเทคโนโลยีการชาร์จที่เร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นไปอีก อาจมีการพัฒนาแบตเตอรี่รูปแบบใหม่ที่ชาร์จได้เร็วขึ้นโดยไม่ส่งผลเสียต่ออายุการใช้งาน หรืออาจมีการคิดค้นวิธีการชาร์จแบบใหม่ที่เราคาดไม่ถึงก็เป็นได้
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าเราจะเลือกใช้หัวชาร์จแบบไหน ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยและความเหมาะสมกับการใช้งานของเราเป็นหลัก หัวชาร์จที่ดีที่สุดไม่จำเป็นต้องเป็นหัวชาร์จที่เร็วที่สุดหรือแพงที่สุดเสมอไป แต่ควรเป็นหัวชาร์จที่ตอบโจทย์การใช้งานของเรามากที่สุด