- สาระน่ารู้
- ล่าสุด
เทคโนโลยีชาร์จไว คืออะไร มีกี่แบบ ใช้กับอุปกรณ์อะไรได้บ้าง
by Utech 685 Views

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องที่ใกล้ตัวมากๆ อย่างการชาร์จแบต แต่หลายคนอาจจะแค่เคยได้ยิน แต่ไม่ได้เข้าใจมากนัก นั่นก็คือระบบ ชาร์จไว หรือนวัตกรรมชาร์จไวนั่นเอง ใครที่เคยประสบปัญหาแบตหมดกลางวันแล้วต้องรีบชาร์จแบบด่วนๆ คงจะรู้ดีว่าเทคโนโลยีนี้มีประโยชน์แค่ไหน แต่จะมีใครรู้บ้างว่า ระบบชาร์จไว มันคืออะไรกันแน่ มีกี่แบบ แบบไหนเหมาะกับอุปกรณ์อะไร แล้วมีอะไรที่เราควรรู้เกี่ยวกับ ระบบชาร์จไว อีกบ้าง เรามาไขข้อข้องใจไปด้วยกัน
ระบบชาร์จไว คืออะไร
ระบบชาร์จไว หรือที่เรียกกันว่า Fast Charge นั้น เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราสามารถชาร์จแบตเตอรี่ของอุปกรณ์ต่างๆ ได้เร็วกว่าการชาร์จแบบปกติหลายเท่าตัว โดยเฉพาะในช่วงแรกของการชาร์จ
ลองนึกภาพง่ายๆ ว่าเรากำลังเติมน้ำใส่ถังน้ำขนาดใหญ่ ปกติแล้วเราก็จะค่อยๆ เติมน้ำทีละนิด เพื่อไม่ให้น้ำล้นออกมา แต่ถ้าเรามีเทคโนโลยีที่ช่วยให้เราเติมน้ำได้เร็วขึ้นโดยไม่ล้น นั่นแหละคือหลักการของ ระบบชาร์จไว
แต่ทำไมถึงต้องมี ระบบชาร์จไว? ก็เพราะว่าในยุคที่เราใช้สมาร์ทโฟนกันแทบจะตลอดเวลา แบตเตอรี่ก็เป็นปัญหาใหญ่ที่ทุกคนต้องเจอ ไหนจะต้องเล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายรูป วิดีโอคอล แบตหมดเมื่อไหร่ก็ทำเอาหลายคนว้าวุ่น ระบบชาร์จไวจึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างตรงจุด
มาตรฐานระบบชาร์จไว มีกี่แบบ
ทีนี้มาดูกันว่า ระบบชาร์จไว นั้นมีกี่แบบกันบ้าง จริงๆ แล้วมีหลายแบบมากเลย แต่เราจะมาดูกันแบบคร่าวๆ ที่พบเห็นได้บ่อยในท้องตลาด ดังนี้

Quick Charge (QC)
เทคโนโลยีจาก Qualcomm ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในสมาร์ทโฟนที่ใช้ชิป Snapdragon ปัจจุบันมีหลายเวอร์ชั่น ตั้งแต่ QC 2.0, 3.0, 4.0 ไปจนถึง 5.0 โดยแต่ละรุ่นก็จะมีความเร็วในการชาร์จที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ
- เหมาะกับ: สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตที่ใช้ชิป Qualcomm Snapdragon
- ตัวอย่างอุปกรณ์: Samsung Galaxy รุ่นเก่า, LG, HTC, Xiaomi บางรุ่น

USB Power Delivery (USB-PD)
เป็นมาตรฐานการชาร์จเร็วที่พัฒนาโดย USB Implementers Forum ใช้กันแพร่หลายในอุปกรณ์หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก หรือแม้แต่เครื่องเล่นเกมพกพาอย่าง Nintendo Switch
- เหมาะกับ: อุปกรณ์หลากหลายประเภท ตั้งแต่สมาร์ทโฟนไปจนถึงโน้ตบุ๊ก
- ตัวอย่างอุปกรณ์: iPhone, iPad, MacBook, Google Pixel, Nintendo Switch

SuperVOOC (OPPO)
จากแบรนด์ OPPO ด้วยระบบ SuperVOOC 4.0 (125W) สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh จาก 0% เป็น 100% ในเวลาประมาณ 20 นาที หรือ SuperVOOC 5.0 (240W) เทคโนโลยีล่าสุด สามารถชาร์จแบตเตอรี่ขนาด 4,500 mAh จาก 0% เป็น 100% ในเวลาเพียง 9 นาที
- เหมาะกับ: สมาร์ทโฟน OPPO และ OnePlus บางรุ่น
- ตัวอย่างอุปกรณ์: OPPO Find X5 Pro, OnePlus 10 Pro

SuperCharge (Huawei)
จากแบรนด์ Huawei SuperCharge Turbo 100W ชาร์จแบตเตอรี่ 4,000 mAh จาก 0% เป็น 100% ในเวลาประมาณ 20 นาที และ SuperCharge 200W ล่าสุดสามารถชาร์จแบตเตอรี่ 4,000 mAh จาก 0% เป็น 100% ในเวลาเพียง 10 นาที
- เหมาะกับ: สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Huawei
- ตัวอย่างอุปกรณ์: Huawei P40 Pro, Mate 40 Pro

Super Fast Charging (Samsung)
เทคโนโลยีการชาร์จเร็วที่ Samsung พัฒนาขึ้นสำหรับอุปกรณ์ของตัวเอง รองรับการชาร์จที่ 25W และ 45W ชาร์จแบตเตอรี่ 4,500 mAh จาก 0% เป็น 100% ในเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ใช้มาตรฐาน USB Power Delivery (PD) และ Programmable Power Supply (PPS)
- เหมาะกับ: สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต Samsung รุ่นใหม่
- ตัวอย่างอุปกรณ์: Samsung Galaxy S21, Galaxy Tab S7
7 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ ระบบชาร์จไว
- ความร้อนคือศัตรูตัวฉกาจ เรื่องแรกที่ต้องรู้เลยก็คือ การชาร์จเร็วนั้นทำให้เกิดความร้อนมากกว่าการชาร์จปกติ ซึ่งความร้อนนี่แหละที่เป็นตัวทำลายแบตเตอรี่ในระยะยาว ดังนั้น ถ้าเราใช้ ระบบชาร์จไว บ่อยๆ ก็อาจทำให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลงได้ แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะผู้ผลิตก็มีระบบป้องกันความร้อนมาให้แล้ว แต่ถ้าจะให้ดี ลองหลีกเลี่ยงการชาร์จในที่ร้อนจัด หรือใช้เคสหนาๆ ขณะชาร์จ
- ไม่ใช่ว่าจะเร็วตลอดไป ระบบชาร์จไว จะทำงานได้ดีที่สุดในช่วงแรกของการชาร์จ เช่น จาก 0-50% หรือ 0-80% แต่พอแบตใกล้เต็ม ความเร็วในการชาร์จจะลดลงเพื่อป้องกันความเสียหายต่อแบตเตอรี่ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมบางครั้งเราอาจรู้สึกว่าช่วงท้ายๆ ของการชาร์จนั้นช้าลงนั่นเอง
- อุปกรณ์ชาร์จต้องรองรับด้วย ไม่ใช่แค่ตัวเครื่องที่ต้องรองรับ ระบบชาร์จไวแต่อุปกรณ์ชาร์จก็ต้องรองรับด้วย ทั้งหัวชาร์จและสายชาร์จ ถ้าใช้อุปกรณ์ที่ไม่รองรับ ก็จะไม่ได้ความเร็วในการชาร์จตามที่ต้องการ เช่น ถ้าเราใช้หัวชาร์จ 5W กับมือถือที่รองรับ 65W ก็จะชาร์จได้แค่ 5W เท่านั้นเอง
- ไม่จำเป็นต้องใช้ตลอดเวลา แม้ว่า ระบบชาร์จไว จะสะดวกมาก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ตลอดเวลา ถ้าเราพอมีเวลาพอ การชาร์จแบบปกติก็ยังเป็นทางเลือกที่ดี เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ได้ในระยะยาว
- แต่ละแบรนด์มีเทคโนโลยีต่างกัน แม้ว่าหลักการพื้นฐานของ ระบบชาร์จไว จะคล้ายกัน แต่แต่ละแบรนด์ก็มีเทคโนโลยีและวิธีการจัดการที่แตกต่างกันไป บางแบรนด์อาจเน้นความเร็วสูงสุด บางแบรนด์อาจเน้นความปลอดภัยและการรักษาอายุแบตเตอรี่ ดังนั้น อย่าแปลกใจถ้าคุณเห็นว่าสมาร์ทโฟนบางรุ่นชาร์จเร็วกว่ารุ่นอื่นๆ ทั้งๆ ที่กำลังวัตต์เท่ากัน
- การชาร์จไร้สายก็มี ระบบชาร์จไว ไม่ใช่แค่การชาร์จแบบมีสายเท่านั้นที่มี ระบบชาร์จไว นะ การชาร์จไร้สายก็มีเทคโนโลยีนี้เหมือนกัน เช่น Qi Fast Wireless Charging หรือ Samsung Fast Wireless Charging ซึ่งสามารถชาร์จได้เร็วกว่าการชาร์จไร้สายแบบปกติหลายเท่า แต่ก็ยังช้ากว่าการชาร์จแบบมีสายอยู่ดี
- ระวังเรื่องความเข้ากันได้ แม้ว่าอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะรองรับการชาร์จเร็วได้หลายแบบ แต่บางครั้งก็อาจมีปัญหาความเข้ากันได้ เช่น อุปกรณ์บางชิ้นอาจไม่รองรับ Quick Charge แต่รองรับ USB-PD ดังนั้น ก่อนซื้ออุปกรณ์ชาร์จใหม่ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข้ากันได้กับอุปกรณ์ของเราด้วย
สิ่งสำคัญที่ควรรู้ก็คือ อุปกรณ์ส่วนใหญ่จะรองรับการชาร์จเร็วได้หลายแบบ เช่น สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆ อาจรองรับทั้ง Quick Charge และ USB-PD ได้ในเครื่องเดียวกัน แต่ถ้าอยากได้ความเร็วสูงสุด ก็ควรใช้อุปกรณ์ชาร์จที่เป็นของแท้จากแบรนด์นั้นๆ จะดีที่สุด
ระบบชาร์จไว หรือเทคโนโลยีการชาร์จเร็ว เป็นนวัตกรรมที่ช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้นมาก โดยเฉพาะในยุคที่เราต้องพึ่งพาสมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ตลอดเวลา
แม้ว่าจะมีข้อดีมากมาย แต่ก็มีข้อควรระวังที่เราต้องคำนึงถึง โดยเฉพาะเรื่องความร้อนและผลกระทบต่ออายุการใช้งานของแบตเตอรี่ในระยะยาว
ในอนาคต เราคงได้เห็นการพัฒนาของเทคโนโลยี ระบบชาร์จไว ที่เร็วขึ้น ปลอดภัยขึ้น และอาจมีมาตรฐานที่เป็นสากลมากขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้ชีวิตของเราสะดวกสบายยิ่งขึ้นไปอีก แต่ปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรืออุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ การรู้จักและเข้าใจเทคโนโลยีชาร์จไว จะช่วยให้เราใช้งานอุปกรณ์ของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากที่สุด