บุกเบิกแป้นพิมพ์ไทย ประวัติความเป็นมาของเกษมณีและปัตตะโชติ


     เชื่อว่าหลายคนคงเคยเรียนพิมพ์ดีด ฝึกวิธีวางนิ้วแบบ ฟ ห ก ด กันมาบ้าง แล้วเคยสงสัยไหมว่าทำไมเราต้องวางนิ้วแบบนั้น มันมีที่มาอย่างไร คำตอบของลำดับตัวอักษรนี้มาจากการวางนิ้วบนแป้นพิมพ์ที่เรียกว่า “เกษมณี” นั่นเอง ซึ่งต่อมาถูกมาพัฒนาเป็น “ปัตตะโชติ” ที่เราได้ใช้ประโยชน์กับการพิมพ์คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือมือถือในชีวิตประจำวัน ในบทความนี้เราจะพามาดูประวัติความเป็นมาของเกษมณีและปัตตะโชติ ว่าเริ่มต้นยังไง มีการจัดเรียงแบบไหน ถูกพัฒนามาเพื่ออะไร ไปดูกัน

จุดเริ่มต้นของแป้นพิมพ์ภาษาไทย

     ก่อนที่จะมีแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ ต้องย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นของการพัฒนาแป้นพิมพ์ภาษาไทย นั่นคือการคิดค้นเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยนายเอดวิน ฮันเตอร์ แมคฟาร์แลนด์ ซึ่งเป็นนักบวชชาวอเมริกันที่ทำงานให้กระทรวงธรรมการ เขาคิดที่จะสร้างเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยขึ้น

ในปี 2434 เขาจึงเดินทางไปหาบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่สนใจลงทุนผลิตเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทย และได้รับเครื่องพิมพ์ดีดจากบริษัท Smith Premier ในที่สุด

     นับเป็นเครื่องพิมพ์ดีดที่มีแป้นพิมพ์ภาษาไทยเป็นเครื่องแรกในประเทศสยาม และได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาต่อมาสามารถเปลี่ยนแคร่ได้แล้ว แต่การพิมพ์สัมผัสยังคงไม่สะดวกนักเนื่องจากข้อจำกัดทางเทคนิค เช่น ต้องพิมพ์สระก่อนพยัญชนะ 

     การออกแบบแป้นพิมพ์ในสมัยนั้นยังมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนคีย์และเทคนิคการพิมพ์ ทำให้ต้องตัดทอนหรือปรับเปลี่ยนบางส่วนเพื่อให้เข้ากับข้อจำกัดเหล่านั้น แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาแป้นพิมพ์ภาษาไทยที่ทันสมัยในเวลาต่อมา


ประวัติความเป็นมาของเกษมณีและปัตตะโชติ

     แป้นพิมพ์แบบเกษมณีมีจุดกำเนิดมาจากผลงานการศึกษาวิจัยของนายสุวรรณประเสริฐ เกษมณี ผู้ซึ่งได้ทำการศึกษาและค้นคว้าเรื่องการจัดเรียงลำดับตัวอักษรและวรรณยุกต์ในภาษาไทย

     ในอดีตก่อนหน้านั้น แป้นพิมพ์ของเครื่องพิมพ์ดีดภาษาไทยรุ่น Smith Premier แบบ 7 แถว จะมีลักษณะเป็นแบบพิมพ์แยกตัวอักษร คือมีปุ่มกดหนึ่งปุ่มสำหรับหนึ่งตัวอักษร ซึ่งจะทำให้ใช้พื้นที่มาก

     ต่อมาจึงได้มีการปรับปรุงแป้นพิมพ์ให้กะทัดรัดขึ้น โดยนำเอาตัวอักษรต่างๆ มารวมไว้ในแป้นพิมพ์มาตรฐานแบบใหม่ เพื่อประหยัดพื้นที่ การจัดวางตัวอักษรจะเน้นให้ตัวอักษรที่ใช้บ่อยอยู่ในแถวด้านล่าง ส่วนตัวอักษรที่ใช้ไม่บ่อยนักจะอยู่ในแถวด้านบน ซึ่งจำเป็นต้องกดปุ่มเปลี่ยนแคร่เพื่อสลับระหว่างตัวพิมพ์ใหญ่และตัวพิมพ์เล็ก

     การจัดวางแบบเกษมณีนี้จึงเป็นการปรับปรุงจากแป้นพิมพ์แบบเดิมให้มีความกะทัดรัดมากขึ้น   โดยคำนึงถึงความถี่ในการใช้งานแต่ละตัวอักษร รวมถึงการประยุกต์ใช้งานกับเครื่องพิมพ์ดีดรุ่นเก่าด้วย จนกลายมาเป็นรูปแบบมาตรฐานที่เราคุ้นเคยกันดีในปัจจุบัน


ไทยเกษมณี พัฒนาสู่ ไทยปัตตะโชติ

     แม้แป้นพิมพ์มาตรฐานแบบเกษมณีจะเป็นที่คุ้นเคยและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็มีข้อบกพร่องบางประการ เนื่องจากการจัดวางตัวอักษรที่มักใช้บ่อยๆ อยู่ทางด้านมือขวา ส่งผลให้การพิมพ์จะเอนไปทางด้านมือขวามากกว่าครึ่ง ซึ่งอาจนำไปสู่อาการเมื่อยล้าของมือขวาได้ง่าย โดยเฉพาะนิ้วก้อยข้างขวาที่ต้องรับหน้าที่กดปุ่ม Shift อยู่เสมอเพื่อเปลี่ยนแคร์ ในขณะที่ Shift ด้านซ้ายกลับถูกใช้งานน้อยมาก

     เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ในปี 1966 นายสฤษดิ์ ปัตตะโชติ ได้ศึกษาวิจัยและออกแบบผังแป้นพิมพ์รูปแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าเดิม โดยได้รับทุนสนับสนุนจากสภาวิจัยแห่งชาติ เขาได้สำรวจการใช้ตัวอักษรจากหนังสือในหลากหลายสาขา เพื่อวิเคราะห์ความถี่ในการใช้แต่ละตัวอักษร จากนั้นจึงนำข้อมูลนี้มาออกแบบแป้นพิมพ์ใหม่

     หลักการสำคัญในการออกแบบแป้นพิมพ์แบบปัตตะโชตินี้ คือ การจัดวางตัวอักษรที่ใช้บ่อยให้อยู่ในระยะไม่เกิน 3 แถวบนสุด เพื่อให้ทั้งสองมือได้ใช้งานอย่างสมดุล และจัดลำดับการใช้งานนิ้วให้เหมาะสม โดยนิ้วชี้จะถูกใช้งานมากที่สุด ตามด้วยนิ้วกลาง นิ้วนาง และนิ้วก้อยตามลำดับ

     เมื่อทำการทดสอบและเปรียบเทียบประสิทธิภาพ พบว่ากลุ่มที่ใช้แป้นพิมพ์แบบปัตตะโชติสามารถพิมพ์ได้เร็วกว่ากลุ่มที่ใช้แบบเกษมณี

     แม้ว่าแป้นพิมพ์แบบปัตตะโชติจะมีประสิทธิภาพสูงกว่า แต่เนื่องจากแป้นพิมพ์แบบเกษมณีได้รับการยอมรับและใช้งานอย่างแพร่หลายมาก่อนหน้านั้นเป็นระยะเวลานาน ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่คุ้นชินกับแบบเกษมณีเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ต่างๆ ก็ได้รับการตั้งค่ามาตรฐานให้ใช้งานกับแป้นพิมพ์แบบเกษมณีด้วย ทำให้แป้นพิมพ์แบบปัตตะโชติไม่ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง แม้จะมีประสิทธิภาพที่ดีกว่าพอสมควร

     การออกแบบและพัฒนาแป้นพิมพ์แบบปัตตะโชตินี้จึงเป็นก้าวสำคัญในการปรับปรุงและยกระดับประสิทธิภาพการพิมพ์ให้ดียิ่งขึ้น แม้จะยังไม่เป็นที่แพร่หลายก็ตาม

 

สินค้าที่คุณสนใจเพิ่มเติม